ถ้าคุณกำลังมองหาเกมที่ทำให้ทั้งโต๊ะได้หัวเราะ แซะกันเบา ๆ ดีลแตกกันยับ แต่สุดท้ายยังเดินกลับบ้านด้วยมิตรภาพครบถ้วนอยู่ บทความนี้คือ รีวิวบอร์ดเกม I’m the Boss เชิงลึก ที่จะพาไปดูทั้งมุมสนุก มุมเค็ม และมุมจิตวิทยาซ่อนอยู่ในเกมเจรจาเงินกองกลางเกมนี้ ว่าแท้จริงแล้วมันเหมาะกับโต๊ะแบบไหน เล่นกับเพื่อนกลุ่มไหนถึงจะอร่อยที่สุด

และอย่างที่รู้กันว่าคืนหนึ่งของสายเกม–สายปาร์ตี้เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแค่บอร์ดเกมอย่างเดียว หลายแก๊งสลับจากดีลบนกระดานไปลุ้นอะไรบนหน้าจอ เช่น กีฬา หรือความบันเทิงออนไลน์อื่น ๆ ถ้าในทีมคุณมีคนที่เริ่มถามหา “จบเกมนี้แล้วไปต่อไหนดี” การเตรียมช่องทางสำรองไว้ เช่นการสมัครผ่านลิงก์อย่าง สมัคร UFABET ก็เป็นอีกวิธีเปลี่ยนโหมดคืนวันศุกร์ให้ไหลลื่นขึ้น แต่เดี๋ยวเรื่องนอกกระดานเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้มาจัดเต็มรีวิวตัวเกมกันก่อนดีกว่า
ภาพรวมสั้น ๆ: I’m the Boss คือเกมแบบไหนกันแน่
ถ้าให้สรุปแบบภาษาคนเล่นบอร์ดเกม
I’m the Boss คือเกมเจรจาต่อรอง (Negotiation Game) ที่ทุกคนเล่นเป็น “นักลงทุน” มานั่งตกลงกันว่าใครจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่จากดีลต่าง ๆ บนกระดาน
ฟีลที่ได้คือ
- มีเงินกองกลาง
- มีโปรเจกต์ (ดีล) ให้ทำ
- มีคนถือกุญแจความสำเร็จ (Investor) อยู่ในมือ
- แล้วทุกคนต้องช่วยกัน “จัดสรรเค้ก” ให้ดีลผ่าน แต่ให้ตัวเองได้เยอะที่สุดเท่าที่จะต่อรองได้
คุณจะเห็นทั้ง
- เพื่อนสายพูดเนียน
- เพื่อนสายป่วน ชอบทำดีลแตก
- เพื่อนสายวางแผนที่คอยดูว่าใครได้เงินไปเท่าไหร่แล้ว
- เพื่อนสาย “ไม่ค่อยพูด แต่จังหวะตบไพ่ทีคือโต๊ะเงียบ”
มันไม่ใช่เกมที่ตัดสินด้วยสมองคณิตศาสตร์ล้วน ๆ แต่เป็นเกมที่วัดกันด้วย “จิตวิทยา + วาทศิลป์ + การอ่านคน” แบบเต็ม ๆ
องค์ประกอบเกม: ชุดเครื่องมือสร้างดราม่าดีลแตก
ในกล่องของ I’m the Boss มีของไม่เยอะ แต่แต่ละอย่างมีบทบาทในเรื่องราวของเกม
- กระดานดีล – แสดงลำดับดีล 1,2,3,… พร้อมระบุว่าแต่ละดีลต้องใช้ Investor ตัวไหน และมีหุ้นรวมกี่หน่วย
- แผ่นดีล (Deal Tiles) – บอก “ราคา/หุ้น” ของดีลนั้น ๆ เวลาได้เงินก็เอาราคานี้ไปคูณจำนวนหุ้น
- Investor – การ์ดตัวละครนักลงทุนต่าง ๆ ใครถือ Investor ที่ดีลต้องใช้ คนนั้นมีอำนาจต่อรองทันที
- ไพ่ Influence – หัวใจความปั่นของเกม ใช้เพื่อ:
- ดึง Investor ใหม่เข้าดีล
- ส่ง Investor ไปต่างประเทศ (เดี๋ยวนี้เขาไม่ว่างนะจ๊ะ)
- แย่งเป็น Boss
- ยึด Investor ของคนอื่น
- ยกเลิกไพ่คนอื่น ฯลฯ
- เงินกระดาษ – ตัวแทนความสำเร็จ และต้นเหตุของการหักหลัง (แบบขำ ๆ)
ดีไซน์ถือว่า “เรียบแต่แรง” คือหน้าโต๊ะไม่ได้รกด้วยชิ้นส่วน แต่ทุกอย่างเชื่อมกันด้วยคำพูดบนโต๊ะมากกว่า
ระบบเกมในมุมดีไซน์: ง่าย แต่เปิดพื้นที่ให้คนเล่นใส่ “ความเป็นตัวเอง”
จุดที่ไวไวมองว่า I’m the Boss เก๋มากคือ มันไม่บังคับให้คนเล่นต้องเป็นสายคิดเลขหรือสายวางแผนหนัก ๆ แต่เปิดพื้นที่ให้คนใช้ “นิสัยตัวเอง” สร้างสีสัน
- คนพูดเก่ง → กลายเป็นตัวละครหลักในดีลแทบทุกอัน
- คนสายวิเคราะห์ → เป็นเรดาร์ของโต๊ะ ดูภาพรวมว่าใครนำ–ใครตาม
- คนสายเนียนเงียบ → มักเป็นคนที่ตอนท้ายเกมมีเงินเยอะกว่าที่ทุกคนคิด
ดีไซน์แบบนี้ทำให้
- เล่นกับคนละชุดเพื่อน = ได้ฟีลเกมคนละแบบ
- เล่นกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกัน เพราะเกมจริง ๆ อยู่บนโต๊ะ ไม่ใช่บนกระดาน
ประสบการณ์การเล่นจริง: โต๊ะแบบไทย ๆ กับเสียงโวย “ดีลนี้ไม่แฟร์!”
ถ้าคุณเคยเล่นกับแก๊งเพื่อนคนไทย ไม่ว่าจะวงออฟฟิศ วงมหาลัย หรือวงบอร์ดเกมประจำร้าน คุณจะคุ้นกับโมเมนต์ประมาณนี้
- “เฮ้ย! ฉันถือ Investor ตัวสำคัญ ทำไมให้แค่นี้!”
- “เอาน่า ฉันดันดีลนะ รอบหน้า Investor แกอยู่ ฉันช่วยแกกลับ”
- “ไม่ ๆๆ ฉันไม่โอเค ดีลนี้แตกเถอะ!”
I’m the Boss เลยมักจบด้วย
- เรื่องเล่าใหม่ ๆ เข้าคลัง “เรื่องในวงเมื่อคืน”
- ฉายาใหม่ เช่น “เจ๊ดีลแตก”, “เสี่ยแย่ง Boss”, “คุณหญิงกดส่วนแบ่ง”
และนี่คือสิ่งที่รีวิวในเว็บหรือกล่องเกมเขาเขียนไม่ค่อยได้ แต่คนเล่นจริงจะสัมผัสได้ชัดว่า
เกมนี้ไม่ใช่เกมคำนวณ…แต่มันคือเกมสร้างความทรงจำ (และความแค้นเล่น ๆ) บนโต๊ะ
จุดแข็งของบอร์ดเกม I’m the Boss
มาดูในมุมรีวิวเชิงดีไซน์กันบ้าง ว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้เกมนี้อยู่ได้นาน และถูกหยิบมาเล่าซ้ำบ่อย ๆ
กติกาง่าย แต่อารมณ์เกมลึก
- โครงเกมเข้าใจไม่ยาก
- เวลาอธิบายให้มือใหม่ ส่วนใหญ่จะ “เข้าใจภายใน 1–2 ดีลแรก”
- แต่พอเริ่มเห็นผลของการใช้ไพ่ผิดจังหวะ / การแบ่งเงินไม่แฟร์ / การสร้างภาพลักษณ์บนโต๊ะ
→ เกมจะลึกขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเพิ่มกติกา
เล่นได้ทั้งสายปาร์ตี้และสายคิด
- สายปาร์ตี้ → สนุกกับการเถียง การต่อรอง การแกล้งกัน
- สายคิด → สนุกกับการคำนวณว่า ดีลไหนควรปล่อย ดีลไหนควรดัน ให้ตัวเองได้ EV ดีสุด
ทำให้กล่องเดียวตอบโจทย์คนสองสไตล์ในวงเดียวกันได้
รีเพลย์สูง เล่นซ้ำได้ไม่เบื่อ
- เพราะแต่ละโต๊ะมี “เมต้า” ของตัวเอง
- ใครเป็นคนชอบหักหลัง ใครใจดี ใครเอาจริง ทุกอย่างเปลี่ยนเกม
- พอคนเปลี่ยน เกมก็เปลี่ยนตามทันที
จุดที่ควรระวัง / อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน
แน่นอน ไม่มีเกมไหนเหมาะทุกโต๊ะ I’m the Boss ก็เหมือนกัน
ถ้าไม่ชอบการเถียง หรือไม่อยากโดนต่อรอง
คนที่
- เกลียดการถูกกดราคา
- ไม่ชอบให้ใครพูดต่อรองกับตัวเอง
อาจรู้สึกว่าเกมนี้ “เหนื่อยกับคน” มากกว่าสนุกกับเกม
ถ้าในวงมีคนอ่อนไหวกับการหักหลัง
ถึงจะเป็นการหักหลังในเกม แต่บางคนอาจอินมากไปหน่อย
- ถ้าเพื่อนกลุ่มคุณมีคนแบบนี้ แนะนำให้ตั้งโทนก่อนเล่นให้ชัด
- หรือใช้โหมดเล่นแบบเบา ๆ เน้นฮา แทนการเล่นจริงจังเรื่องชัยชนะ
ถ้าต้องการเกมที่คุมได้ด้วยฝีมือล้วน ๆ
I’m the Boss มีทั้ง
- ฝีมือ (การต่อรอง / การอ่านเกม)
- ดวง (ไพ่ที่ได้ / ดีลที่บังเอิญเหมาะมือเรา)
ถ้าคุณเป็นสาย “อยากให้ทุกอย่างวัดจากการคิดล้วน ๆ” เกมยุทธศาสตร์หนัก ๆ อาจตอบโจทย์มากกว่า
เปรียบเทียบ I’m the Boss กับเกมเจรจาแนวอื่น
เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น ลองดูตารางเปรียบเทียบสั้น ๆ ระหว่างเกมแนวเจรจาด้วยกัน (ใช้ชื่อแบบกว้าง ๆ นะ ไม่ต้องผูกกับเวอร์ชันไหนเป๊ะ)
| เกม | ฟีลหลัก | ดราม่าหนักแค่ไหน | ใช้เวลาโดยเฉลี่ย | จุดเด่น |
|---|---|---|---|---|
| I’m the Boss | ดีลเงิน แบ่งส่วนแบ่ง | ดราม่าขำ ๆ | 60–90 นาที | เจรจาเงินกองกลางแบบฮา ๆ |
| เกมหักหลังหมาป่า/สายลับ | โหวต/จับโกหก | ดราม่าจัด | 30–60 นาที | ล่าคนโกหก อ่านสีหน้าเพื่อน |
| เกมกึ่งหุ้น/ธุรกิจ | กลยุทธ์ + บริหารทรัพยากร | ดราม่าปานกลาง | 90–120 นาที | วางแผนระยะยาว ลงทุนหลายรอบ |
| เกมปาร์ตี้เบา ๆ | ทายคำ / ทำท่าทาง | ดราม่าแทบไม่มี | 20–30 นาที | เล่นง่าย หัวเราะอย่างเดียว |
จะเห็นว่า I’m the Boss อยู่กึ่งกลางระหว่าง “เกมปาร์ตี้” กับ “เกมกลยุทธ์” คือไม่ได้เบาหวิวขนาดเดาอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้หนักขนาดต้องคิดสามเทิร์นข้างหน้าแบบเกมเศรษฐกิจเต็มระบบ
มุมจิตวิทยา: เกมนี้แอบสอนอะไรเราแบบเนียน ๆ
หนึ่งในเหตุผลที่รีวิวนี้อยากเจาะ I’m the Boss เชิงลึก คือเกมนี้แอบสอนอะไรชีวิตเราอยู่เหมือนกัน
การรู้มูลค่าตัวเอง
เวลาเราถือ Investor สำคัญ
- ถ้าเราไม่กล้าขอส่วนแบ่ง
→ เราอาจได้ น้อยกว่าที่ควรได้ - ถ้าขอมากเกินเหตุ
→ ดีลแตก ทุกคนไม่ได้อะไร
มันสะท้อนชีวิตจริงเรื่อง “การต่อรองค่าแรง / โอกาส” ได้ดีมาก ว่าเราควรรู้มูลค่าตัวเอง แต่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์รอบ ๆ ด้วย
การรักษาความสัมพันธ์ vs. ผลลัพธ์ดีล
บางดีล
- คุณอาจเลือก “ยอมได้ไม่สุด” เพื่อรักษาฟีลกับเพื่อนในระยะยาว
- มากกว่าการเอาให้ตัวเองคุ้มที่สุดในดีลเดียว
คล้ายกับโลกการทำงานที่บางครั้ง “ความสัมพันธ์” สำคัญพอ ๆ กับ “ดีลที่ได้”
การอ่านคน
หลังเล่นไปไม่กี่ตา
- คุณจะเริ่มรู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดเอามัน
- ใครขู่แต่ไม่ทำจริง
- ใครใช้ไพ่แบบคม ๆ เงียบ ๆ
นี่คือสกิลอ่านคนในรูปแบบเล่นสนุกที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้เหมือนกัน
เกมนี้เหมาะกับใคร?
จากมุมรีวิวเชิงลึก ไวไวว่าบอร์ดเกม I’m the Boss จะโดนใจ…
- แก๊งเพื่อนที่ชอบคุย ชอบเถียง แต่อารมณ์ดี
- คนที่ชอบเกมที่เน้น “สังคมบนโต๊ะ” มากกว่าภาพสวย ๆ หรือการวางแผนตัวเลขล้วน ๆ
- คนที่อยากมีเกมกลางโต๊ะ เอาไว้เล่นช่วงพีคของค่ำคืน
แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่
- ชอบเงียบ ๆ ไม่อยากถูกดึงมาพูด
- ไม่ชอบการต่อรอง หรือรู้สึกแย่เวลาโดนหักหลัง แม้จะเป็นในเกมก็ตาม
จับคู่ I’m the Boss กับกิจกรรมเสริมในคืนเดียวกัน
คืนหนึ่งของสายเกมทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องมีแค่กล่องเดียว คุณสามารถออกแบบเป็น “แพ็กเกจความสนุก” ได้ เช่น
- เปิดด้วยเกมเบา ๆ วอร์มก่อน
- เข้าสู่ช่วงไฮไลต์ด้วย I’m the Boss
- ปิดท้ายด้วยกิจกรรมอีกแบบหนึ่ง เช่น
- ดูไฮไลต์กีฬา
- ดูสตรีมเกม
- หรือใครสายลุ้น ก็ไปต่อกับแพลตฟอร์มความบันเทิงออนไลน์ที่ตัวเองชอบ
กลุ่มที่ชอบทั้งการวิเคราะห์ ทั้งการเจรจา บางทีก็เอาฟีลจากโต๊ะไปต่อยอดบนหน้าจอ เช่นลุ้นเกมกีฬา หรือเล่นอะไรที่ต้องอ่านจังหวะตัวเองเพิ่ม ซึ่งถ้าในวงคุณมีสายนี้อยู่แล้ว การมีลิงก์ของแพลตฟอร์มอย่าง ยูฟ่าเบท ติดไว้ก็เหมือนมี “โต๊ะเสริม” ให้เลือกขึ้นอีกหนึ่งเวทีในคืนเดียวกัน เพียงแค่ต้องจำไว้เสมอว่า สิ่งที่ต่างจากบอร์ดเกมคือโลกออนไลน์ใช้เงินจริง ต้องเล่นแบบมีสติและรู้ลิมิตตัวเองให้ชัด
มุมรีวิวแบบเจาะเป็นหัวข้อ: สั้น ๆ แต่ชัด
มาดูสรุปแบบ bullet ให้ตัดสินใจง่ายยิ่งขึ้น
สิ่งที่ไวไวชอบใน I’m the Boss
- การเจรจาที่มีสีสัน ไม่ใช่แค่โยนตัวเลข
- แต่ละดีลเล่าเป็นเรื่องได้เลยว่า “เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
- ทำให้เห็นนิสัยเพื่อนในมุมใหม่ ๆ แบบขำ ๆ
สิ่งที่ต้องระวังหน่อย
- ถ้าเล่นกับคนที่อินจัด อาจมีเคืองเบา ๆ ได้
- ถ้าคนในวงพูดน้อยเกิน เกมอาจไม่พีกเท่าที่ควร
- ใช้เวลาพอสมควร ถ้าเล่นหลายเกมติด คืนหนึ่งจะหมดไปกับการดีลอย่างเดียวเลย
FAQ – คำถามยอดฮิตจากสายสนใจ I’m the Boss
ถาม: มือใหม่บอร์ดเกมควรเริ่มจาก I’m the Boss ไหม?
ตอบ: ถ้าในวงมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่อ่านกติกามาแล้ว ควรลองเลย เพราะกติกาไม่ยากจนเกินไป สิ่งที่ท้าทายจริง ๆ คือการต่อรองมากกว่า ซึ่งมือใหม่ส่วนใหญ่สนุกกับการเถียงเล่น ๆ บนโต๊ะอยู่แล้ว
ถาม: เล่นกี่คนสนุกสุด?
ตอบ: โดยประสบการณ์ ส่วนใหญ่จะบอกว่า 5–6 คนคือจุดพีค เพราะมีคนให้ดีลเยอะ มีคนคอยป่วนดีลได้เรื่อย ๆ ถ้าคนน้อยเกินไปจะรู้สึกว่าต่อรองกันไม่ดุเท่าไร
ถาม: ถ้าผม/ฉันพูดไม่เก่ง จะเสียเปรียบมากไหม?
ตอบ: ไม่ถึงกับเสียเปรียบ แต่ต้องเปลี่ยนจาก “วาทศิลป์” ไปใช้ “ไพ่และตำแหน่ง Investor” เป็นจุดแข็งแทน คุณอาจเป็นสายเก็บไพ่ ใช้จังหวะเงียบ ๆ ปรับดีลตอนสำคัญ จนทุกคนตกใจว่าทำไมสุดท้ายคุณถึงได้เงินเยอะกว่าที่คิด
ถาม: เกมนี้ทำให้ทะเลาะกันจริงไหม?
ตอบ: ถ้าตั้งโทนดี ๆ และเล่นกับคนที่เข้าใจว่า “นี่คือเกม” โอกาสดราม่าหนัก ๆ น้อยมาก ส่วนใหญ่จะกลายเป็นเรื่องตลกให้เอาไปเล่าต่อมากกว่า แต่ถ้าในกลุ่มมีคนอ่อนไหว ก็อาจลดดีกรีการหักหลัง หรือเล่นเน้นขำไม่คิดแต้มมากเกินไป
ถาม: ใช้เวลาต่อเกมนานแค่ไหน เหมาะกับคืนวันทำงานไหม?
ตอบ: ประมาณ 60–90 นาที ถ้าคุณเริ่มเล่นสองทุ่ม ก็ยังจบก่อนเที่ยงคืนสบาย ๆ เหมาะทั้งคืนวันศุกร์ หรือแม้แต่คืนวันธรรมดาที่อยากมีอะไรคลายเครียดหลังเลิกงาน
ถาม: ถ้าครอบครัวไม่เคยเล่นบอร์ดเกมมาก่อน เกมนี้เหมาะมั้ย?
ตอบ: ถ้าทุกคนในบ้านชอบคุย ชอบแซวกัน และไม่ติดใจกับการแกล้งกันในเกม ก็เหมาะมาก จะได้หัวเราะกันยาว ๆ แต่ถ้าบ้านค่อนข้างซีเรียสเรื่องเงิน เรื่องความยุติธรรม อาจเริ่มจากเกมความร่วมมือ (Co-op) หรือเกมเบากว่านี้ก่อน แล้วค่อยเลื่อนมาลอง I’m the Boss ภายหลัง
ถาม: เล่นบ่อย ๆ แล้วจะจำสูตรเดิมแล้วเบื่อไหม?
ตอบ: ไม่ค่อย เพราะสูตรจริง ๆ อยู่ที่ “คนบนโต๊ะ” มากกว่าในกติกา คนละวง = เมต้าไม่เหมือนกัน ดีลเดียวกันแต่เล่นกับคนละชุดเพื่อน ผลลัพธ์จะต่างกันอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
รีวิวบอร์ดเกม I’m the Boss เชิงลึก: เกมที่ทำให้เราเห็นทั้งเพื่อนและตัวเองชัดขึ้น
เมื่อมองผ่าน ๆ I’m the Boss อาจดูเหมือนเกมดีลเงินธรรมดา แต่พอเราเล่นจริงสัก 2–3 ตา จะรู้เลยว่า รีวิวบอร์ดเกม I’m the Boss เชิงลึก มันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขหรือกติกาเลย มันคือเรื่องของ
- เสียงหัวเราะตอนดีลแตก
- ความฮาเวลามีคนใช้ไพ่แย่ง Boss ตอนวินาทีสุดท้าย
- ความอึ้งเมื่อคนที่เงียบ ๆ กลายเป็นคนรวยสุดโต๊ะ
- และบทสนทนาที่ต่อให้เกมจบไปแล้ว ยังถูกเล่าซ้ำในแชตกลุ่มอีกหลายวัน
สำหรับเรา เกมนี้คือ “เครื่องสแกนนิสัยเพื่อนแบบขำ ๆ” ที่เอาไว้เล่นในคืนที่ทุกคนอยากปล่อยของด้านการพูด ด้านการเจรจา และด้านความปั่นแบบไม่อันตรายเกินไป เป็นเกราะบาง ๆ ระหว่างเกมกับชีวิตจริงที่ช่วยให้เรากล้าเล่นบทที่ปกติอาจไม่ค่อยได้เล่น
และในยุคที่ความสนุกของค่ำคืนมีได้หลายเลเยอร์ ไม่ว่าจะเป็นบอร์ดเกม กีฬา หรือความบันเทิงออนไลน์อื่น ๆ การมีตัวเลือกเอาไว้ในมือก็ไม่ต่างจากการมีดีลหลายแบบให้เลือกลง ในโลกออนไลน์เอง ถ้าวันหนึ่งคุณอยากเปลี่ยนจากโต๊ะกระดานไปลองลุ้นในสนามอื่น การมีลิงก์อย่าง ทางเข้า UFABET ล่าสุด ติดไว้ก็คล้ายกับการมีอีกหนึ่งโปรเจกต์ให้ตัวเองตัดสินใจว่าจะ “เข้าดีลหรือไม่” แต่ไม่ว่าจะบนกระดานหรือบนหน้าจอ สิ่งสำคัญเสมอคือความพอดีและสติของเราเอง
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณถามว่า “ควรหาบอร์ดเกม I’m the Boss มาเข้าตู้ไหม” ไวไวจะตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ถ้าแก๊งของคุณคือสายคุย สายฮา และพร้อมยอมโดนเพื่อนหักหลังในเกมเพื่อแลกกับเรื่องเล่ามัน ๆ อีกยาว ๆ กล่องนี้คือหนึ่งในเกมที่ควรมีติดบ้านไว้จริง ๆ เพราะทุกครั้งที่หยิบขึ้นมา คุณไม่ได้แค่เตรียมจะเล่นเกม แต่กำลังเตรียมจะสร้างคืนสนุก ๆ ตอนใหม่ในชีวิตของคุณเองด้วย 💼🎲💚
และไม่ว่าคุณจะเป็น Boss บ่อยแค่ไหน ชนะหรือแพ้กี่รอบ ขอให้จำไว้ว่า…การได้หัวเราะร่วมกันรอบโต๊ะ คือชัยชนะเล็ก ๆ ที่มีค่ากว่าเงินในเกมเสมอ — นี่แหละคือเสน่ห์ตัวจริงของ I’m the Boss ที่รีวิวไหนก็ถ่ายทอดได้ไม่หมด ต้องลองเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจจริง ๆ 😉