ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจาแบบสนุก ๆ

Browse By

หลายคนมองว่าเกมคือความบันเทิง แต่จริง ๆ แล้ว ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจา ได้อย่างจริงจังแบบที่ยังสนุกหัวเราะได้ทั้งโต๊ะ เกมดีลเงินกองกลางเกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “ใครรวยสุดตอนจบ” แต่คือสนามซ้อมขนาดย่อม ๆ สำหรับฝึกการตั้งข้อเสนอ การต่อรอง การอ่านสีหน้า การบริหารความสัมพันธ์ และการรับมือกับความกดดันโดยไม่หลุดฟอร์ม

คืนไหนที่คุณอยากเปลี่ยนจากการคุยทฤษฎีการเจรจาในหนังสือ มาเป็นการ “ลงมือเจรจา” แบบจับต้องได้ บนบอร์ดเกมที่เสียงหัวเราะดังนำหน้าคำว่ากดดัน เกมนี้คือเครื่องมือที่ทั้งโค้ช ทีมงาน และกลุ่มเพื่อนสามารถหยิบไปใช้ได้ง่าย ๆ และถ้าคุณเป็นสายสลับโหมดระหว่างโต๊ะเกมกับโลกออนไลน์ บางคนก็มักมีแพลตฟอร์มความบันเทิงอื่น ๆ ไว้สลับอารมณ์ เช่นเก็บลิงก์ ทางเข้า UFABET ล่าสุด ไว้ในมือเป็นอีกโต๊ะแห่งความลุ้น แต่ตอนนี้…มาโฟกัสการใช้เกมบนโต๊ะให้กลายเป็นสนามซ้อมทักษะเจรจากันก่อน


ทำไมบอร์ดเกมถึงใช้ฝึกการเจรจาได้จริง

หลายองค์กรสมัยใหม่เริ่มใช้บอร์ดเกมและเกมจำลองสถานการณ์ (simulation) ในการเทรนนิ่ง Soft Skills เพราะมันมีข้อดีที่การอบรมแบบนั่งฟังบรรยายให้ไม่ได้อยู่หลายอย่าง

  • ปลอดภัยต่อความรู้สึก
    เวลาเราเล่นเกม ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า “นี่คือพื้นที่จำลอง” ความกลัวผิด ความกลัวเสียหน้าเลยลดลง เรากล้าลองวิธีเจรจาใหม่ ๆ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเดิมพันชื่อเสียงในชีวิตจริง
  • เห็นผลลัพธ์ทันที
    เราต่อรองอย่างไร → ดีลผ่าน / ดีลแตก / เพื่อนงอนเล่น ๆ
    มันคือ feedback แบบ real-time ที่ทำให้เราเห็นชัดว่าโทนคำพูด สัดส่วนข้อเสนอ และท่าทีของเราส่งผลอะไรบ้าง
  • ได้ฝึกทั้งสกิลและอารมณ์ไปพร้อมกัน
    การเจรจาไม่ใช่แค่เรื่องคำพูด แต่คือการคุมอารมณ์ตัวเองเวลาโดนกด โดนป่วน หรือดีลที่เกือบจะผ่านแล้วแตก บอร์ดเกมอย่าง I’m the Boss ทำให้เราเจอความรู้สึกเหล่านี้ในพื้นที่ปลอดภัย
  • สนุกพอจะเล่นซ้ำจนสกิลซึมเข้าไปเอง
    แทนที่จะต้องบังคับตัวเองฝึก เขียน role-play ทีละเคส การเล่นเกมทำให้เราอยากกลับมาเล่นอีกเอง โดยมี “การฝึกทักษะ” แถมมาโดยแทบไม่รู้ตัว

แกะโครงสร้างการเจรจาในเกม I’m the Boss

เพื่อใช้ บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจา อย่างมีเป้าหมาย เรามาดูว่าในเกมนี้มี “บทบาท” และ “ทักษะ” อะไรซ่อนอยู่บ้าง

บท Boss – ฝึกการตั้งข้อเสนอและการนำการเจรจา

เมื่อถึงตาคุณแล้วเลือกทำดีล คุณจะกลายเป็น Boss ของโต๊ะในรอบนั้นทันที

สกิลที่ได้ฝึกคือ

  • การตั้งข้อเสนอที่ทุกฝ่ายมีโอกาส “พอใจ”
    ถ้าคุณเสนอแบบเอาเปรียบเกินไป คนถือ Investor จะไม่ยอม ดีลแตกทั้งโต๊ะ
  • การฟังและปรับข้อเสนอแบบยืดหยุ่น
    Boss ที่ดีจะไม่ยึดข้อเสนอแรกแบบหัวแข็ง แต่พร้อมปรับให้ทุกอย่างยังเดินได้
  • การคุมห้อง (Facilitation)
    ระหว่างดีล โต๊ะอาจเสียงดัง หลากหลายความเห็น Boss ต้องดึงโฟกัสกลับมาให้ดีลเดินต่อได้

บท Investor – ฝึกการต่อรองโดยไม่ทำลายความสัมพันธ์

คนที่ถือ Investor สำคัญคือคนที่มี “อำนาจต่อรอง”

สกิลที่เปิดใช้คือ

  • การเรียกร้องให้สมกับคุณค่าของตัวเอง
    ถือ Investor สำคัญมาก แต่ได้ส่วนแบ่งน้อยเกินไป จะยอมไหม? หรือจะขอเพิ่มยังไงให้คนอื่นยังอยากคุยต่อ
  • การปฏิเสธแบบไม่พังโต๊ะ
    พูด “ไม่โอเค” ให้ได้โดยไม่ทำให้บรรยากาศเสีย จนไม่มีใครอยากดีลกับเรารอบต่อไป
  • การมองเกมยาว
    บางดีลยอมได้ไม่สุด เพื่อเก็บเครดิตไปใช้ต่อรองดีลที่สำคัญกว่าในภายหลัง

ไพ่ Influence – ฝึกการอ่านสถานการณ์และเลือกใช้ “อำนาจ” ให้เหมาะเวลา

ไพ่คือเครื่องมือปรับสมดุลดีล

  • เราจะใช้ไพ่แรง ๆ แย่งเป็น Boss เมื่อไหร่
  • เราจะหยิบไพ่ส่ง Investor ไปต่างประเทศตอนไหน
  • เราจะยอม “เก็บไพ่” เพื่ออนาคต หรือใช้ตอนนี้เพื่อเบรกคนที่กำลังจะนำห่างเกินไป

สิ่งนี้แปลเป็นโลกจริงได้ตรง ๆ ว่า

  • เราจะใช้อำนาจตำแหน่ง / ข้อมูล / connection ของเรา “เมื่อไหร่ดี”
  • เราจะไม่ใช้มันพร่ำเพรื่อจนคนอื่นรู้สึกกลัวหรือไม่อยากทำงานด้วย

ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss เป็นเครื่องมือในที่ทำงาน

ถ้าคุณเป็นหัวหน้า ทีมลีด HR หรือโค้ชองค์กร เกมนี้เป็นเครื่องมือเวิร์กช็อปเล็ก ๆ ที่เอาไปใช้ได้ง่ายมาก

เหมาะสำหรับทีมแบบไหน

  • ทีมขาย / เซลส์
  • ทีมที่ต้องเจรจาต่อรองกับลูกค้า / supplier
  • ทีมบริหารโครงการ ที่ต้อง deal resource แบ่งงาน แบ่งเครดิตกันตลอดเวลา
  • ทีมที่อยากละลายพฤติกรรม + สร้างความไว้ใจแบบมีสีสัน

โครงเวิร์กช็อปง่าย ๆ ด้วย I’m the Boss

ช่วงอุ่นเครื่อง

  • อธิบายกติกาแบบสั้น สนุก ไม่ทางการเกินไป
  • วางข้อตกลงว่า “ทุกอย่างในเกมคือบทบาทจำลอง ไม่เอาไปเคืองกันจริง”

ช่วงเล่นเกม

  • ให้เล่นจริง 1–2 เกมเต็ม หรือแบ่งกลุ่มย่อยหลายโต๊ะ
  • ระหว่างเล่นอาจให้แต่ละคนจดโน้ตสั้น ๆ ว่า
    • ดีลไหนที่เขารู้สึกว่าตัวเองเจรจาดี
    • ดีลไหนที่รู้สึกพลาด หรือพูดไม่ออก

ช่วงสรุปบทเรียน (Debrief)

  • ถามคำถามชวนคิด เช่น
    • ตอนที่คุณถูกกดส่วนแบ่ง คุณรู้สึกยังไง
    • ตอนคุณเป็น Boss คุณพยายามบาลานซ์อะไรบ้างในหัว
    • มีจังหวะไหนที่คุณรู้สึกว่า “ถ้ากลับไปแก้ได้ จะพูดอีกแบบหนึ่ง”

ประสบการณ์จากเกมจะกลายเป็น “ภาษากลาง” ที่เอาไปต่อยอดในงานได้ง่าย เช่น

  • “ดีลนี้ในทีม เหมือนดีลเบอร์ 8 ในเกมเมื่อกี้เลยนะ”
  • “ตอนนี้เรากำลังทำตัวแบบ Boss โลภในเกมอยู่หรือเปล่า”

ตัวอย่างกิจกรรม 3 ช่วง จากเกมสู่ทักษะจริง

มาลองออกแบบกิจกรรมทั้งเซสชันแบบลงดีเทลหน่อย เผื่อคุณจะหยิบไปใช้ทั้งกับทีมงานหรือกลุ่มเพื่อนที่อยากฝึกสกิลเจรจา

ช่วงที่หนึ่ง: ตั้งโจทย์

ให้ทุกคนตอบคำถามง่าย ๆ ใส่กระดาษ

  • เวลาต้องต่อรองในชีวิตจริง ฉันรู้สึก…
    • เครียด
    • ตื่นเต้น
    • สนุก
    • อยากหนี
  • สิ่งที่กลัวเวลาเจรจามากที่สุดคืออะไร
  • ตัวเองคิดว่าเป็น “สายไหน”
    • สายดันดีล
    • สายเกาะดีล
    • สายป่วนดีล
    • สายปล่อยผ่าน

เก็บคำตอบไว้ แล้วค่อยเอามาเปิดอีกทีตอนสรุป

ช่วงที่สอง: เล่นเกมเต็ม ๆ

  • ให้ทุกคนได้ลองสลับบท Boss / Investor
  • ให้ทุกคนใช้ไพ่ Influence อย่างเต็มที่
  • ไม่ต้องแทรกทฤษฎีตอนเล่น ปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามธรรมชาติ

ระหว่างเล่น แค่ให้แต่ละคนจด 2–3 โมเมนต์ที่รู้สึกว่า “จำได้ชัด” เช่น

  • ดีลที่รู้สึกว่าพูดได้ดี
  • ดีลที่เสียดายว่าทำไมไม่พูด
  • ดีลที่ใช้ไพ่แล้วพลิกสถานการณ์

ช่วงที่สาม: สะท้อนกลับสู่ชีวิตจริง

หลังเกมจบ ให้ทุกคนลองจับคู่หรือแบ่งกลุ่มเล็ก ๆ แชร์กันว่า

  • โมเมนต์ไหนในเกมที่รู้สึกว่าตัวเอง “เป็นตัวเองชัดมาก”
  • ถ้าแทน Investor ด้วย “บทบาทหน้าที่ในที่ทำงาน” เราเล่นบทคล้าย ๆ กันไหม
  • คนอื่นมองเราในการเจรจายังไง ต่างจากที่เรามองตัวเองหรือเปล่า

เท่านี้ บอร์ดเกมหนึ่งกล่องก็กลายเป็นเวิร์กช็อป Soft Skills ที่ทั้งขำทั้งลึกได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง


ตารางเปรียบเทียบทักษะจากเกมสู่โลกจริง

ลองดูตารางนี้เพื่อเห็นความเชื่อมโยงชัด ๆ ระหว่าง I’m the Boss กับทักษะชีวิตจริง

องค์ประกอบในเกมพฤติกรรมในเกมสกิลในโลกจริงที่ได้ฝึก
การเป็น Boss เปิดดีลตั้งข้อเสนอ แบ่งหุ้นให้คนต่าง ๆการนำประชุม การตั้งข้อเสนอเริ่มต้น
การถือ Investor สำคัญเรียกร้องส่วนแบ่ง / ยอม / ปล่อยดีลผ่านการรู้มูลค่าตัวเอง การต่อรองอย่างมีสติ
ไพ่ Influence ป่วนดีลเลือกใช้ไพ่เปลี่ยนสมดุลดีลการใช้ทรัพยากร/อำนาจอย่างเหมาะสม
ดีลที่ต้องผ่านหลายฝ่ายเห็นชอบเจรจากับหลายคนพร้อมกันการเจรจาแบบหลายสเต็กโฮลเดอร์ (Multi-party)
ดีลแตกไม่มีใครได้เงินเพราะคุยกันไม่ลงตัวการเรียนรู้จากการเจรจาล้มเหลวโดยไม่โทษตัวเองเกินไป
การเล่นซ้ำหลายเกมปรับสไตล์การเจรจาตามเมต้าโต๊ะการเรียนรู้และปรับตัว (Adaptability)

แค่ได้มองเกมผ่านเลนส์นี้ คุณจะเริ่มเห็นเลยว่า แต่ละดีลใน I’m the Boss ก็คือเคสเรียนย่อส่วนของการเจรจาในชีวิตจริงนี่เอง


ใช้เกมในครอบครัวและความสัมพันธ์แบบนุ่มนวล

ไม่จำเป็นต้องใช้เกมนี้กับทีมงานหรือเวิร์กช็อปอย่างเดียว เอามาใช้กับครอบครัวหรือคนรักก็ได้ ถ้าโทนบ้านคุณเป็นสายหัวเราะและโอเคกับการแซวกัน

กับครอบครัว

  • พ่อแม่–ลูก ได้เห็นกันในมุมใหม่
    • ลูกอาจเก่งต่อรองกว่าที่พ่อแม่คิด
    • พ่อแม่อาจพบว่าตัวเองกดลูกแรงในเกมเหมือนที่กดในชีวิตจริงแล้วเอามาคุยกันต่อได้แบบขำ ๆ
  • พี่น้องได้ต่อรองแบบมีกรอบชัด
    • จากปกติที่อาจเถียงกันไร้รูปทรง เกมนี้ทำให้การต่อรองมีกรอบ สนุก และไม่บานปลาย

กับคู่รัก

  • ใช้เกมเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ในการลองต่อรองกัน
  • ดูว่าเวลาไม่พอใจข้อเสนออีกฝ่าย เราสื่อสารยังไง
  • ดูนิสัยการยอม/การดื้อของกันและกันในเวอร์ชันเล่น ๆ แล้วเอาไปคุยต่อทีหลังในโหมดจริงจังแบบนุ่ม ๆ

ต้องย้ำว่าทั้งหมดนี้ควรอยู่ในโทน “ขำ–เรียนรู้” ไม่ใช่เอามาจับผิดกันว่า “เห็นไหม ในเกมยังงี้ ชีวิตจริงก็ต้องงี้แหละ” ไม่งั้นจากสนามซ้อมนุ่ม ๆ จะกลายเป็นศาลจำลองทันที


ผูกเข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ – จากโต๊ะเกมสู่หน้าจอ

คนยุคนี้สนุกกับหลายเวทีในคืนเดียวกัน

  • โต๊ะบอร์ดเกม
  • หน้าจอมือถือ/คอม
  • โลกกีฬาและความบันเทิงออนไลน์

บรรยากาศรอบโต๊ะ I’m the Boss ที่เต็มไปด้วยการอ่านเกม พูดคุย แซวกัน และวัดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ จริง ๆ แล้วก็ใกล้กับฟีลคนยุคนี้ที่ชอบ “อ่านเกม” ในหลาย ๆ สนามเหมือนกัน

บางแก๊งหลังจบเกมดีลเงินกระดาษแล้ว อาจอยากขยับไปลุ้นอะไรที่ใช้เงินจริงบ้าง (แต่ต้องเน้นว่าต้องมีสติและรู้ลิมิตตัวเองนะ) บางคนก็เลยเลือกเก็บช่องทางบนโลกออนไลน์ไว้ในลิสต์ เช่นถ้าอยากเปิดโหมดลุ้นเกมกีฬา หรือกิจกรรมแนวเสี่ยงโชคในค่ำคืนเดียวกัน ก็อาจไปตั้งค่าผ่านลิงก์อย่าง สมัคร UFABET ไว้ก่อน เพื่อเวลาจะเปลี่ยนจากโต๊ะเกมไปสนามออนไลน์ จะได้ไม่สะดุด

สิ่งที่ไวไวอยากเน้นมีแค่สองอย่าง

  • โต๊ะไหนก็แล้วแต่ ต้องเป็น “โต๊ะที่เราคุมตัวเองได้”
  • ความสนุกที่ดี คือความสนุกที่ไม่ทำให้เราเดือดร้อนในวันถัดไป

ทริคสำหรับโค้ช/หัวหน้าที่อยากใช้เกมนี้จริงจัง

ถ้าคุณจะใช้ ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจา แบบจริงจังในทีมงาน ลองเติมรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้เข้าไป

  • ตั้งโจทย์ก่อนเล่น
    เช่น “วันนี้อยากให้ทุกคนลองฝึกฟังให้มากกว่าพูด” หรือ “วันนี้ลองฝึกพูด ‘ไม่โอเค’ แบบสุภาพโดยไม่ขอโทษตัวเองทุกครั้ง”
  • อาจตั้งภารกิจส่วนตัวให้แต่ละคน
    เขียนลงกระดาษว่า
    • ดีลแรก ฉันจะพยายามเสนอข้อเสนอเอง
    • ดีลหนึ่งในเกม ฉันจะลองบอกปัดข้อเสนอที่รู้สึกว่าไม่แฟร์
      หลังเกมมาคุยกันว่าได้ทำไหม รู้สึกยังไง
  • ใช้คำถามปลายเปิดตอน Debrief
    แทนที่จะถามว่า “ชอบไหม?” ลองถามว่า
    • ถ้าดีลในเกมวันนี้เป็นโปรเจกต์จริงในงาน คุณจะเล่นต่างจากนี้ไหม
    • คุณเห็นอะไรในตัวเพื่อนร่วมทีมจากเกมนี้
  • ไม่พูดสรุปแทนทุกคน
    ปล่อยให้แต่ละคนตีความบทเรียนของตัวเอง เกมหนึ่งกล่องอาจสอนแต่ละคนคนละแบบเลยก็ได้

FAQ – คำถามเกี่ยวกับการใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกเจรจา

ถาม: ถ้าทีมเงียบ ๆ ไม่ชอบพูดเยอะ เกมนี้ยังใช้ฝึกเจรจาได้ไหม?
ตอบ: ได้ แต่ต้องใจเย็นหน่อย ช่วงแรกอาจเขิน ๆ ให้โค้ชหรือหัวหน้าช่วยเปิดเกมด้วยการเป็น Boss ก่อน แล้วค่อย ๆ ชวนให้คนที่เงียบที่สุดได้มีโมเมนต์พูด ต่อรอง หรือถือ Investor สำคัญดูสักครั้ง จะช่วยให้เขารู้สึกมีที่ยืนบนโต๊ะมากขึ้น

ถาม: ต้องมีประสบการณ์เจรจามาก่อนถึงจะเล่นเกมนี้ได้ผลไหม?
ตอบ: ไม่จำเป็นเลย มือใหม่สุด ๆ ก็เล่นได้ แล้วบางทีคนที่คิดว่าตัวเอง “ไม่เก่งเจรจา” นี่แหละ พออยู่ในโหมดเกม กลับกล้าใช้เสียงตัวเองมากกว่าที่คิด กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับการฝึก

ถาม: เล่นกี่รอบถึงจะเริ่มเห็นพัฒนาการด้านการเจรจา?
ตอบ: ส่วนใหญ่แค่ 2–3 เกมในค่ำคืนเดียว ก็จะเริ่มมีคนพูดว่า “เมื่อกี้พูดแบบนี้น่าจะดีกว่า” แล้ว ซึ่งแปลว่าเขาเริ่มสะท้อนตัวเองแล้ว ถ้าได้เล่นต่อเนื่องหลายครั้งในระยะยาว สไตล์การพูดและต่อรองในชีวิตจริงก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปในทางที่มั่นใจขึ้นและฟังคนอื่นมากขึ้นด้วย

ถาม: ใช้กับเวิร์กช็อปออนไลน์ได้ไหม ถ้าทีมอยู่คนละที่กัน?
ตอบ: ถ้าทุกคนมีเกมคนละกล่องหรือมีเวอร์ชันดิจิทัลก็พอทำได้ แต่เสน่ห์ใหญ่ของเกมนี้คือการเห็นสีหน้า แววตา ท่าทางของกันและกันแบบสด ๆ ถ้าทำออนไลน์อาจต้องออกแบบกิจกรรมเสริมให้ดึงอารมณ์ร่วมมากหน่อย

ถาม: ต้องเล่นแบบจริงจังเก็บแต้มไหม ถ้าใช้ฝึกทักษะ?
ตอบ: ไม่จำเป็น เป้าหมายหลักคือ “ประสบการณ์การเจรจา” มากกว่าตัวเลขเงินตอนจบ เกมที่เล่นแบบหัวเราะไป ขำไป แต่ค่อย ๆ ถอดบทเรียนทีหลัง มักให้ผลกับ Soft Skills ดีกว่าเกมที่เครียดเอาชนะกันสุดทาง

ถาม: ถ้าในทีมมีคนที่ชอบคุมทุกดีล จะทำให้เวิร์กช็อปเสียไหม?
ตอบ: ไม่ถึงกับเสีย แต่เป็นวัตถุดิบดีมากในการคุยตอน Debrief ว่า แต่ละคนรู้สึกยังไงเวลาเจรจากับคนที่ “คุมเกมทุกอย่าง” และเจ้าตัวเองรู้สึกอย่างไรเมื่อรับฟีดแบ็ก ลองใช้โอกาสนี้เปิดบทสนทนาเชิงพัฒนา แทนที่จะไปตำหนิเขาตรง ๆ


🔥ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจา ให้ทั้งหัวเราะและเติบโตไปพร้อมกัน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการต่อรองทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่เจรจาเรื่องงาน เงินเดือน ลูกค้า ไปจนถึงคุยกับคนใกล้ตัวเรื่องเวลา ความรู้สึก หรือแม้แต่จะกินอะไรดีมื้อนี้ การรู้จัก “พูดในสิ่งที่คิดอย่างเคารพกันและกัน” กลายเป็นทักษะสำคัญที่ใครมีก็ได้เปรียบแบบเงียบ ๆ

การเลือก ใช้บอร์ดเกม I’m the Boss ฝึกทักษะการเจรจาแบบสนุก ๆ จึงเป็นเหมือนการพาตัวเองและคนรอบข้างไปฝึกซ้อมบนเวทีที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แทนที่จะไปซ้อมบนเวทีจริงที่เดิมพันด้วยงาน ความสัมพันธ์ หรือเงินก้อนใหญ่ในชีวิตจริง ทุกดีลที่ผ่านหรือแตกบนกระดาน ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่กลับทิ้งบทเรียนเล็ก ๆ ไว้ในหัวใจเราว่า

  • เรากล้าขอในสิ่งที่คิดว่าเราควรได้หรือยัง
  • เราฟังคนอื่นมากพอหรือเปล่า
  • เรามองเห็นความรู้สึกของคนในดีลเดียวกันไหม
  • เราจัดการความผิดหวังเวลา “ดีลแตก” อย่างไร

คืนที่โต๊ะเกมจบลง คุณอาจเก็บกล่องเข้าตู้ แต่สกิลที่ได้จากการต่อรอง หัวเราะ แซวกัน และสะท้อนตัวเอง จะเดินออกจากวงไปกับคุณต่อในวันถัด ๆ ไปอย่างแนบเนียน

และถ้าวันไหนคุณอยากลองย้ายเวทีจากโต๊ะบอร์ดเกมไปสู่โลกดิจิทัล ลองสลับโหมดไปดูเกมกีฬา ความบันเทิงออนไลน์ หรือกิจกรรมลุ้นอื่น ๆ บนหน้าจอผ่านแพลตฟอร์มอย่าง ยูฟ่าเบท ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งได้ ตราบใดที่คุณยังใช้สกิลเดียวกับเวลาต่อรองบนโต๊ะ คือ รู้มูลค่าตัวเอง รู้ลิมิตตัวเอง และให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความสบายใจของตัวเองเหนือกว่าคำว่า “ต้องชนะให้ได้”

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าบนโต๊ะหรือในชีวิตจริง คนที่เป็น “Boss” จริง ๆ อาจไม่ใช่คนที่กวาดเงินได้มากที่สุด แต่คือคนที่กล้าพูด กล้าฟัง กล้ารับมือกับผลลัพธ์ และกล้าหัวเราะไปกับเรื่องราวของตัวเองในทุกดีลที่เกิดขึ้น 💼